ชื่อพระเครื่อง | พระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค พิมพ์ทรงครุฑเล็กกำหมัด สภาพน่ารัก รับประกันตามกฎทุกประการครับ |
รายละเอียด | พระครูวิหารกิจจานุการ หรือหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๘ สาเหตุที่โยมบิดาของท่านตั้งชื่อให้ว่า ปาน เนื่องจากที่นิ้วก้อยมือซ้ายของท่านเป็นปานแดงตั้งแต่โคนนิ้วถึงปลายนิ้ว ท่านอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๘ โดยมีหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นอุปัชฌาย์ พระอาจารย์จ้อย วัดบ้านแพน เป็นกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์อุ่น วัดสุธาโภชน์ เป็นอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "โสนันโท"
เมื่ออุปสมบทแล้วท่านได้ศึกษาอยู่กับหลวงพ่อสุ่น เพราะในสมัยนั้นหลวงพ่อสุ่น ท่านเป็นพระที่แก่กล้าทางคาถาอาคม และวิชาแพทย์แผนโบราณ นอกจากนี้ท่านยังได้เรียนวิปัสสนากรรมฐานและการฝึกกสิณ จนท่านสามารถเรียกฝนให้ตก ทำที่มืดให้สว่าง เสกไฟให้ลุกไหม้ เดินบนผิวน้ำ เหาะขึ้นบนอากาศ ฯลฯ จนหมดสิ้นความรู้จากหลวงพ่อสุ่นแล้ว ท่านจึงได้ออกธุดงค์ไปศึกษาหาความรู้กับพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงอีกหลายรูป เช่น ศึกษาด้านพระปริยัติธรรมกับพระอาจารย์เจิ่น วัดสระเกศ กรุงเทพฯ ศึกษาด้านอักขระเลขยันต์กับพระอาจารย์จีน วัดเจ้าเจ็ดใน จ.พระนครศรีอยุธยา ศึกษาด้านแพทย์แผนโบราณจากวัดสังเวชฯ ศึกษาวิชาการต่างๆ เพิ่มเติมกับ หลวงพ่อเนียม วัดน้อย หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน หลวงพ่อปั้น วัดพิกุลโสกันต์ ฯลฯ หลังจากที่ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนจนเป็นที่พอใจแล้ว ท่านจึงเดินทางกลับบ้านเกิดมาจำพรรษาอยู่ที่วัดบางนมโค ได้จัดตั้งสำนักสอนภาษาบาลีและนักธรรม ได้ก่อสร้างและปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุต่างๆ จนเจริญรุ่งเรืองตราบจนทุกวันนี้
วัตถุมงคลประเภทพระเนื้อดินพิมพ์พระพุทธเจ้าทรงสัตว์พาหนะทั้ง ๖ ชนิดนั้น หลวงพ่อปานท่านได้ร่ำเรียนวิชามาจากชีปะขาว ซึ่งได้มาบอกท่านในระหว่างฝึกวิปัสสนากรรมฐานที่วัดบางนมโค โดยนิมิตเป็นรูปสัตว์ต่างๆ คือ ไก่ ครุฑ หนุมาน ปลา เม่น และนก พร้อมทั้งมีคาถากำกับในสัตว์แต่ละชนิดมาด้วย ท่านได้ตัดสินใจสร้างพระเครื่องขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.๒๔๕๐ เพื่อนำปัจจัยมาใช้ในการปรับปรุงเสนาสนะภายในวัดบางนมโค และสร้างพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุแทนองค์เดิมที่ชำรุดทรุดโทรม ซึ่งท่านก็ได้รับการสนับสนุนจากชาวบ้านอย่างเต็มที่ ผู้มีความรู้ทางช่างก็แกะแม่พิมพ์ถวาย บรรดาลูกศิษย์ก็ออกแสวงหาวัตถุมงคลต่างๆ มาให้ ทั้งว่านที่เป็นมงคลและมีสรรพคุณทางยา เกสรดอกไม้ที่เป็นมงคลนาม ดินขุยปูนา ตลอดจนพระพิมพ์โบราณที่ชำรุดแตกหัก เพื่อนำมาผสมเป็นเนื้อพระ พระพิมพ์ชุดนี้ศิลปะแม่พิมพ์ไม่สวยงามนัก เนื่องจากเป็นช่างฝีมือชาวบ้าน เรียกกันว่า พิมพ์โบราณ การสร้างพระในครั้งต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๖๐ ได้จัดหาช่างฝีมือดีมาแกะแม่พิมพ์ใหม่ ศิลปะแม่พิมพ์จึงสวยงามขึ้นมาก ซึ่งนิยมเรียกกันว่า พิมพ์นิยม หรือ พิมพ์มาตรฐาน พร้อมมีสลากกำกับวิธีการใช้พระให้ด้วย นับเป็นที่นิยมอย่างมากในแวดวงนักนิยมสะสมพระเครื่องในปัจจุบัน
หลวงพ่อปานท่านได้กล่าวว่า หัวใจสำคัญก็คือผงวิเศษที่บรรจุอยู่ภายในองค์พระ ซึ่งประกอบด้วยผงวิเศษ ๓ สูตร ด้วยกัน ได้แก่ ผงวิเศษสูตรที่ ๑ คือ ผงวิเศษหัวใจสัตว์ จะต้องกระทำในพระอุโบสถโดยนั่งสมาธิเขียนอักขระเลขยันต์หัวใจของสัตว์ต่างๆ ทั้ง 6 ชนิด ตามที่ได้เห็นมาในนิมิตแล้วลบผงวิเศษนี้ออกมา เมื่อได้ผงแล้วจะต้องนั่งปลุกเสกภายในโบสถ์ อดข้าวเป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน ออกไปไหนไม่ได้ ต้องเข้าสมาบัติตลอดขณะที่ปลุกเสกพระอยู่ในโบสถ์ จะตั้งบาตรน้ำมนต์ไว้ทั้ง ๔ มุม เวลาบริกรรมคาถาบรรดาคุณไสยต่างๆ ที่มีผู้กระทำมาในอากาศก็จะกระทบกับพระเวทย์แล้วร่วงหล่นลงในบาตรน้ำมนต์ มีเสียงดังอยู่ตลอดเวลา ถือเป็นการตัดไม้ข่มนามพวกคุณไสย ผงวิเศษนี้จึงสามารถป้องกันคุณไสยได้เป็นอย่างดี
ผงวิเศษสูตรที่ ๒ คือ ผงยันต์เกราะเพชร ท่านได้ร่ำเรียนวิชาการสร้างมาจากอาจารย์แจง ชาวสวรรคโลก โดยท่านจะต้องตั้งสมาธิเขียนยันต์บนกระดานชนวน ชักยันต์ขึ้นแล้วลบผงมา ต้องใช้ความพยายามและความอดทนอย่างสูง รวมทั้งใช้ระยะเวลายาวนานมากกว่าจะลบผงชนิดนี้ออกมาได้ ซึ่งหากทำให้ถูกต้องทุกขั้นตอนตามที่ตำราระบุไว้แล้ว จะมีความขลังและศักดิ์สิทธิ์สูงมาก
ผงวิเศษสูตรสุดท้ายคือ ผงวิเศษ 5 ประการ ประกอบด้วย ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห และผงพระพุทธคุณ อันเป็นยอดของผงวิเศษที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังฯ ใช้เป็นส่วนผสมในเนื้อมวลสารของพระเครื่องที่ท่านสร้าง อันทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
เมื่อได้ผงวิเศษมากพอแล้ว จึงนำมาบรรจุลงในรู้ด้านบนของพระพิมพ์จนเต็ม ใช้ซีเมนต์ผสมปิดทับอีกทีหนึ่ง บริเวณที่อุดนี้จะเป็นสีเทาของซีเมนต์ผสมกับสีขาวของผงวิเศษทุกองค์ หลังจากนั้นจึงนำพระพิมพ์ทั้งหมดเข้าพิธีปลุกเสกภายในพระอุโบสถจนครบไตรมาส แล้วจึงนำพระพิมพ์ทั้งหมดมาปลุกเสกที่กุฎิของท่านต่ออีกทุกคืนจนถึงวันไหว้ครูประจำปีของท่าน แล้วจะตั้งพิธีเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่งจึงจะเสร็จสมบูรณ์ พุทธคุณพระเนื้อดินของท่านจึงเป็นเลิศในด้านเมตตามหานิยม คุ้มครองป้องกันภัย อาราธนาทำน้ำพระพุทธมนต์รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้สารพัด
หลวงพ่อปาน มรณภาพเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๑ สิริอายุรวม ๖๓ ปี พรรษาที่ ๔๒
*************************
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับองค์พญาครุฑ
ตามคติไทยโบราณเชื่อกันว่าครุฑเป็นสัตว์ใหญ่ มีรูปเป็นครึ่งคนครึ่งนกอินทรี เป็นพญาแห่งนกทั้งมวล มีอานุภาพและพละกำลังมหาศาล แข็งแรง รวดเร็ว มีสติปัญญาเฉียบแหลม อ่อนน้อมถ่อมตน และมีสัมมาคารวะ ปกติอาศัยอยู่ที่วิมานฉิมพลี เป็นพาหนะของพระนารายณ์ ได้รับพรให้เป็นอมตะ ไม่มีอาวุธใดทำลายลงได้ แม้กระทั่งสายฟ้าของพระอินทร์ก็ได้แต่เพียงทำให้ขนของครุฑหลุดร่วงลงมาเพียงเส้นหนึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ครุฑจึงมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า "สุบรรณ" ซึ่งหมายถึง "ขนวิเศษ"
การบูชาองค์พญาครุฑนั้น สามารถบูชาได้ทุกคน ไม่ว่าจะเกิดในปีมะโรงหรือปีมะเส็งก็สามารถบูชาท่านได้ โดยเชื่อกันว่าพลังอำนาจขององค์พญาครุฑจะช่วยส่งเสริมในเรื่อง
๑.เป็นมหาอํานาจ
๒.สามารถลบล้างอาถรรพ์และคุณไสยได้ทั้งปวง ภูติผีปีศาจไม่กล้าเข้าใกล้
๓.เป็นสื่อนําความเจริญรุ่งเรือง ยศถาบรรดาศักดิ์มาสู่ชีวิตหน้าที่การงาน
๔.ปกป้องคุ้มครอง ป้องกันภัย เป็นคงกระพัน
๕.เป็นเมตตามหานิยม
๖.นําความร่มเย็นเป็นสุขมาให้
๗.ทํามาค้าขายดี เป็นสื่อนําโชคลาภนานาประการ
๘.สัตว์ร้าย เขี้ยวงาสารพัด งูเงี้ยวเขี้ยวขอ อสรพิษ ไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะเกรงตบะบารมีขององค์พญาครุฑเป็นที่สุด |
ราคาเปิดประมูล | 32,900 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 33,200 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 100 บาท |
วันเปิดประมูล | - 22 เม.ย. 2561 - 22:23:06 น. |
วันปิดประมูล | - 26 เม.ย. 2561 - 10:33:25 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
ผู้ตั้งประมูล | ChonChob (792)
|