(0)
(เคาะแรกแดงเลย) เหรียญมหาบารมี นิโรธกรรมครั้งที่ 9 ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต เนื้อทองแดง พร้อมกล่องเดิม








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง(เคาะแรกแดงเลย) เหรียญมหาบารมี นิโรธกรรมครั้งที่ 9 ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต เนื้อทองแดง พร้อมกล่องเดิม
รายละเอียดประวัติวัดแสงแก้วโพธิญาน

พุทธศักราช 2549...


หลังจากพระหนุ่มแห่งวัดพระธาตุดงสีมาเฝ้ามองสถานการณ์ความขัดแย้งภายในวัดด้วยความหนักใจอยู่ได้ระยะหนึ่ง ก็มีคณะลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งเข้ามากราบนมัสการ


คณะลูกศิษย์กลุ่มดังกล่าว ก็คือ “พ่อหลวงยา ศรีทา” และคณะศรัทธาบ้านป่าตึง ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย นั่นเอง การมาของคณะลูกศิษย์ที่นำโดยพ่อหลวงยา นอกจากมีจุดประสงค์เพื่อขอกราบนมัสการและชื่นชมบารมีของครูบาอริยชาติด้วยความศรัทธายิ่งแล้ว ยังนำความสำคัญเรื่องหนึ่งมาปรึกษาด้วย


มูลเหตุคือ ชาวบ้านป่าตึงมีความต้องการสร้างวัดแห่งใหม่ขึ้น เพื่อเป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชน ซึ่งจะทำให้สามารถทำบุญและปฏิบัติศาสนกิจต่างๆ ได้อย่างสะดวกขึ้น แต่การที่จะสร้างวัดมิใช่เรื่องง่าย ดังนั้นคณะชาวบ้านจึงได้นำเรื่องดังกล่าวมาปรึกษาครูบาอริยชาติ และกราบนิมนต์ให้ท่านไปเป็นเสาหลักในการสร้างอารามแห่งใหม่นี้ เนื่องจากเห็นว่าท่านเป็นพระหนุ่มนักพัฒนา ซึ่งได้ริเริ่มและช่วยเหลือด้านการก่อสร้างศาสนสถานตลอดจนศาสนวัตถุต่างๆ เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เป็นที่ประจักษ์มาแล้วมากมาย



ในที่สุดครูบาอริยชาติก็รับนิมนต์...


หลังจากนั้น ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต ร่วมกับพ่อหลวงยา ศรีทา และคณะศรัทธาบ้านป่าตึง สำรวจพื้นที่ในบริเวณหมู่บ้านป่าตึงและพื้นที่โดยรอบเพื่อหาทำเลสำหรับสร้างวัด แต่หลายวันผ่านไปก็ยังไม่พบทำเลที่เหมาะสม


อาจด้วยบารมีของครูบาอริยชาติ กับทั้งแรงศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของชาวบ้านป่าตึงในการที่จะสร้างพุทธสถานเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไปในอนาคต ทำให้ในคืนหนึ่ง ครูบาอริยชาติได้เกิด “นิมิต” ขึ้น ในนิมิตนั้น...ครูบาได้พบสถานที่แห่งหนึ่ง มีลักษณะเป็นเนินเขาที่ไม่สูงนัก มีต้นไม้ใหญ่น้อยให้ร่มเงาเย็นสบาย อาณาบริเวณที่กว้างขวางนั้นล้อมรอบด้วยป่าไผ่ เป็นสถานที่ซึ่งสงบร่มรื่นเหมาะแก่การสร้างพุทธสถานเพื่อบำเพ็ญกุศลและปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง


ครูบาอริยชาติรู้สึกพึงพอใจในสถานที่ที่ปรากฏในนิมิตยิ่งนัก จึงเล่านิมิตดังกล่าวให้กับพ่อหลวงยา ศรีทา และชาวบ้านฟัง ดังนั้น คณะชาวบ้านจึงนำครูบาอริยชาติออกสำรวจพื้นที่โดยรอบของหมู่บ้านอีกครั้ง จนกระทั่งมาถึงพื้นที่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นเนินดอยเล็กๆ อยู่ห่างจากหมู่บ้านป่าตึงประมาณ 1.5 กิโลเมตร เรียกว่า “ดอยม่อนแสงแก้ว” ครูบาอริยชาติก็พบว่าพื้นที่บริเวณนี้นอกจากจะเป็นที่สวนของชาวบ้านแล้ว ยังมีแนวต้นไผ่ล้อมรอบคล้ายกับภาพในนิมิตของท่านไม่ผิดเพี้ยน !


แม้จะรู้สึกยินดีที่ครูบาอริยชาติได้พบสถานที่อันเหมาะสำหรับก่อสร้างวัดตามที่ตั้งใจไว้ แต่ชาวบ้านที่ร่วมออกสำรวจด้วยกันในคราวนั้นก็ยังอดรู้กังวลใจไม่ได้ เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้เป็นที่สวนของผู้มีฐานะดีผู้หนึ่ง ซึ่งเขาคงไม่อยากขายที่แปลงงามนี้ให้เป็นแน่แท้ หรือหากจะขายก็คงเรียกร้องในราคาแพงไม่น้อย


เมื่อครูบาอริยชาติได้รับทราบถึงอุปสรรคดังกล่าวจากคำบอกเล่าของพ่อหลวงยา ท่านก็มิได้กล่าวว่ากระไร หากแต่ได้เดินไปจนถึงส่วนยอดของเนินแห่งนั้น จุดธูปเทียนปักไว้บนยอดเนิน และกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลเป็นที่เรียบร้อย ท่านก็ได้ตั้งจิตกล่าวคำอธิษฐานว่า


“...หากสถานที่แห่งนี้ แม้เป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่อันเป็นมงคลคู่บารมีเรา ในการที่จะได้จรรโลงพระพุทธศาสนาต่อไปแล้ว ขอให้ได้ที่ดินผืนนี้มา...”

หลังจากนั้น ด้วยการนำของพ่อหลวงยา ศรีทา ครูบาอริยชาติก็มีโอกาสได้พบกับเจ้าของที่ดินแห่งนั้น และที่สุดแล้วปรากฏว่าเจ้าของที่ดินได้ถวายที่ดินจำนวนประมาณ 19 ไร่เศษ ให้กับครูบาอริยชาติอย่างง่ายดายท่ามกลางความประหลาดใจแกมยินดีอย่างยิ่งของพ่อหลวงยาและคณะชาวบ้าน !


เนินดอย “ม่อนแสงแก้ว” ซึ่งปรากฏในนิมิตของครูบาอริยชาติ จึงกลายเป็น “วัดแสงแก้วโพธิญาณ” พุทธสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในดินแดนล้านนา อันเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวบ้านป่าตึงและพุทธศาสนิกชนผู้เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาในเวลาต่อมา

----------------------------------------------------------
พิธีนิโรธกรรมครั้งที่9 ครูบาอริยชาติ

ภาพพุทธศาสนิกชนนับพันนับหมื่นคนที่หลั่งไหลไปร่วมพิธีออกนิโรธกรรมครั้งที่ ๙ ครั้งสุดท้ายของ ครูบาอริยชาติ อริยจิตโต ผู้สืบสานปฏิปทาสายครูบาศรีวิชัยและเจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ บ้านป่าตึง ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ในช่วงเช้ามืดของวันที่ ๑๒ ม.ค. ๒๕๕๖ ที่ผ่านมานั้น ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงพลัง “ศรัทธา-บารมี” และ “ความนับถือ” ในครูบาหนุ่มน้อยผู้นี้ได้เป็นอย่างดี

ในวันนั้นคณะศิษยานุศิษย์นำโดย พล.อ.พลางกูร กล้าหาญ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.อารยะ งามประมวญ เสนาธิการกองทัพอากาศ นายภาสภณ เหตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท สี่พระยาการพิมพ์ จำกัด หรือเดลินิวส์ และพุทธศาสนิกชนทั่วสารทิศร้อยใจร่วมกันทำบุญครั้งใหญ่กับครูบาอริยชาติ ต่างอิ่มบุญอิ่มใจกันทั่วหน้า

การเข้านิโรธกรรมของครูบาอริยชาติ อริยจิตโต ได้ยึดตามแบบฉบับของโบราณจารย์ในอดีตทุกประการ สมัยก่อน ครูบาชุ่ม โพธิโก อดีตเจ้าอาวาสวัดวังมุย ก็ยึดแนวทางปฏิบัติเช่นเดียวกัน เพียงแต่ครูบาชุ่มนั้นพลังจิตแกร่งกล้าและบารมีญาณสูงมาก คณะศิษย์ทั้งหลายเชื่อว่าท่านน่าจะเข้า “นิโรธสมาบัติ” ไม่ไช่ “นิโรธกรรม” ซึ่งเป็นหนทางแห่งการหลุดพ้นของพระอริยสงฆ์ ภายหลังครูบาอริยชาติได้พบบันทึก “ตำราปั๊บสา” หรือตำรากระดาษสาของครูบาชุ่ม จึงหมั่นเพียรศึกษาและใช้วิธีเดียวกัน เพื่อให้เข้าถึงแก่นแท้ของพระธรรม นั่นคือที่มาของการเข้านิโรธกรรมรวม ๙ ครั้ง ของครูบาอริยชาติ

ทั้งนี้การเข้านิโรธกรรมตามตำราของครูบาชุ่ม โพธิโก ท่านให้ขุดหลุมลึก ๑ ศอก กว้าง ๒ ศอก พอดีเข่า แล้วสร้างซุ้มฟางครอบ ให้มีความสูงแค่เลยหัว ๑ ศอก โดยกำหนดชัดเจนว่าจะยืนไม่ได้ ไม่ฉัน ไม่ถ่ายหนักเบา ฉันได้แต่น้ำและมีผ้าขาว ๔ ผืนปูรองนั่ง แทนความหมายคือ อริยสัจ ๔ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มีเสาซุ้ม ๘ ต้น แทนความหมาย มรรค ๘ ยอดซุ้มปักธงฉัพพรรณรังสี อันมีความหมายถึงปัญญา ราชวัติล้อมซุ้มมี ๙ ชั้น แทนความหมายของ โลกุตรธรรม ๙ คือ มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ รวมเป็น ๙ ซึ่งการเข้านิโรธกรรมของครูบาชุ่ม บางครั้งเข้า ๗ วัน ๙ วัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเข้าตามสถานที่ห่างไกลคน หรือที่เรียกว่า “สัปปายะ” มีการจัดเวรยามรักษาความปลอดภัยและห้ามใครมารบกวนในรัศมี ๑๐๐ เมตร และก่อนจะเข้านิโรธกรรม ต้องนิมนต์พระสงฆ์จำนวน ๕ รูป มารับรองความบริสุทธิ์จนเรียบร้อยแล้ว จึงจะเข้านิโรธกรรมได้

โดยครูบาอริยชาติได้ทำการเข้านิโรธกรรมครั้งที่ ๙ นี้ ตั้งแต่วันที่ ๔ ม.ค. ๒๕๕๖ และออกจากนิโรธกรรมในวันที่ ๑๒ ม.ค. เวลา ๐๔.๐๐ น.รวมเวลา ๙ วัน และในวันออกนิโรธกรรม ถือเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะชาวล้านนา จะมีการทำบุญใหญ่ตักบาตรกับครูบาอริยชาติ และพระสงฆ์อีกหลายรูป เนื่องจากโบราณกาลเชื่อกันว่า หากใครได้ทำบุญกับพระภิกษุที่เพิ่งออกจากนิโรธกรรมแล้วจะได้รับอานิสงส์ยิ่งใหญ่ ตายไปขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้าเลยทีเดียวในโอกาสมหามงคลครูบาอริยชาติ ออกจากนิโรธกรรม ทางวัดแสงแก้วโพธิญาณได้จัดสร้างวัตถุมงคล เหรียญนิโรธกรรม มหาบารมี ให้เช่าบูชาวัตถุมงคล หาทุนทรัพย์ปรับแต่งภูมิทัศน์รูปหล่อเหมือนครูบาศรีวิชัยองค์ใหญ่ที่สุดในโลก พระวิหาร พระอุโบสถ หอไตร ศาลาการเปรียญ ห้องน้ำ และกำแพงวัด อีกด้วย

วัตถุมงคลชุดนี้เข้มขลังจริงและศักดิ์สิทธิ์จริง ใครมีไว้บูชาย่อมบังเกิดสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว ประกอบด้วย ๑.เหรียญนิโรธกรรม มหาบารมี ครั้งที่ ๙ ชุดทองคำ (๕ เหรียญ) แบ่งเป็น ๑. เหรียญเนื้อทองคำแท้ น้ำหนัก ๒๓ กรัม เหรียญเนื้อเงินหน้ากากทองคำ เนื้อนวโลหะหน้ากากทองคำ เนื้ออัลปาก้า และเนื้อสัตโลหะ ๒.เหรียญนิโรธกรรม มหาบารมี ครั้งที่ ๙ เนื้อเงินแท้ สร้าง ๙๙๙ เหรียญ เนื้อนวโลหะ สร้าง ๙๙๙ เหรียญ เนื้อทองแดง ๙,๙๙๙ เหรียญ ๓.ล็อกเกตนิโรธกรรม ครั้งที่ ๙ หลังทองคำน้ำหนัก ๑๘ กรัม (สร้างตามจอง) หลังเงินแท้ สร้าง ๓๑๑ องค์ หลังทองแดง สร้าง ๙๙๙ องค์เนื้อทองแดง ๙,๙๙๙ เหรียญ ๓.ล็อกเกตนิโรธกรรม ครั้งที่ ๙ หลังทองคำน้ำหนัก ๑๘ กรัม (สร้างตามจอง) หลังเงินแท้ สร้าง ๓๑๑ องค์ หลังทองแดง สร้าง ๙๙๙ องค์...

ขลังจริง แท้แน่นอน เชิญบูชา
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน200 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ20 บาท
วันเปิดประมูล - 20 ก.พ. 2562 - 08:14:14 น.
วันปิดประมูล - 21 ก.พ. 2562 - 08:34:30 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลphicha (427)(1)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     200 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     20 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    kawin1976 (55)(1)

 

Copyright ©G-PRA.COM