(0)
องค์นี้วัดใจเคาะเดียวแดง พระยอดธง กรุวัดชะเมา นครศรีธรรมราช เนื้อทองสัมฤทธิ์แก่ทององค์นี้ไม่ได้ล้างสนิมเขียว เดิมๆ...หายากครับ






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่ององค์นี้วัดใจเคาะเดียวแดง พระยอดธง กรุวัดชะเมา นครศรีธรรมราช เนื้อทองสัมฤทธิ์แก่ทององค์นี้ไม่ได้ล้างสนิมเขียว เดิมๆ...หายากครับ
รายละเอียดวัดใจราคา แต่พระแท้ดูง่าย รับประกันตลอดชีพคับ
พระยอดธง กรุวัดชะเมา หรือวัดประตูเขียน อ.เมือง นครศรีธรรมราช....อายุการสร้างสมัยอยุธยาตอนต้น ประมาณปี พ.ศ.2200 .... องค์ที่ท่านกำลัง ทัศนา อยู่นี้ เป็นเนื้อทองสัมฤทธิ์ จากการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์พบว่า ประกอบด้วยโลหะผสม โดยมี ทองคำ และเงิน เป็นโลหะหลัก และยังมีทองแดง เป็นส่วนผสม พุทธคุณ...คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด มหาอำนาจ มหานิยม เสริมบารมีและโชคลาภ กล่าวกันว่า ใครมีไว้ในครอบครอง จะประสบแต่ความสำเร็จ ดั่งเป็นเคล็ดตามตำราพิชัยสงครามเมื่อครั้งโบราณกาล ที่สร้างพระยอดธง ไว้ประจำธงชัย ในการออกรบ สำหรับประวัติการค้นพบ.......... กลายเป็นที่ฮือฮา การค้นพบ "พระยอดธงศิลปะอยุธยาตอนต้น" พระกรุเมืองคอน วัดชะเมา ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปลายเดือนเม.ย.54 เป็นจุดประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ เดิมพระพุทธรูปองค์นี้ชาวบ้านเรียกชื่อสืบทอดกันว่า"หลวงพ่อสูง" หน้าตักกว้างประมาณ 3 เมตรเศษ ความเป็นมานั้นได้สืบค้นข้อมูลและพบจารึกที่ฐานพระพุทธรูปว่า สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.1079 ประดิษฐานที่เดิมตรงพื้นที่วัดประตูเขียน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของเมืองนครศรีธรรมราช พบในบริเวณใต้ฐานพระประธานที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังวัด และมีการเคลื่อนย้ายมาบูรณะประดิษฐานด้านหน้าวัด เป็นพระพุทธรูปศิลปะลังกาวงศ์ มีหน้าตักกว้างประมาณ 3 เมตรเศษ สูงประมาณ 4 เมตรเศษ ซึ่งถูกบูรณะให้อยู่ในรูปทรงเดิมอย่างงดงาม เผยอาถรรพ์ใครคิดเคลื่อนย้ายเกิดอาเพศทั้งลมพายุ,ฟ้าผ่าและอุบัติเหตุ-ระบุ 9 เจ้าอาวาสมรณภาพปริศนา “พระเกษม เขมจิตโต”กล้าลองของแต่เคลื่อนย้ายสำเร็จ-แตกตื่นพระทองคำพร้อมเพชรนิลจินดาใต้ฐานเพียบ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 14 ส.ค.2554 ที่วัดชะเมา ถนนราชดำเนิน ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีประชาชนจำนวนมากแห่เดินทางไปชมการประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณศิลปะเชียงแสนลังกาวงศ์ อายุเกือบ 1,500 ปี ซึ่งประเกษม เขมจิตโต เจ้าอาวาสย้ายจากสถานที่ประดิษฐานเก่าบริเวณด้านหลังวัด มาประดิษฐานในที่ใหม่บริเวณลานด้านหน้าวัด ริมถนนราชดำเนิน อยู่ระหว่างการบูรณะซ่อมแซมโดยก่อปูนหุ้มองค์พระเดิมแต่ยังไม่แล้วเสร็จ และยังพบว่าใต้ฐานเดิมที่ประดิษฐานพระพุทธรูปดังกล่าวมีพระพุทธรูปองค์เล็กหน้าตัก 3 นิ้ว 5 นิ้ว และ 7 นิ้ว พระเครื่องศิลปะลังกาวงศ์ที่ทำด้วยทองคำ และทำด้วยเงินรวมหลายองค์ บางองค์ชำรุดเศียรขาดก็มี อีกทั้งยังพบเพชรนิลจินดาของมีค่าอีกจำนวนมาก ทำให้ประชาชนที่ทราบข่าวแห่เดินทางมาขอชมอย่างต่อเนื่อง สำหรับพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ทำการย้ายออกมาประดิษฐานที่ใหม่นั้น มีหน้าตักกว้างประมาณ 3 เมตรเศษ สูงประมาณ 4 เมตรเศษ นำมาบูรณะซ่อมแซมและประดิษฐานให้อยู่ในลักษณะรูปทรงเดิมอย่างงดงาม อย่างไรก็ตามพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวมีการเล่าลื่อกันมานับ 100 ปีว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และมีอาถรรพ์มาก หากใครคิดจะเคลื่อนย้ายจะต้องจะเกิดอาเพศต่าง ๆ นา ๆ เช่น เกิดฟ้าผ่า เกิดลมพายุที่คนโบราณเรียกว่า”ลมหัวด้วน” หรือเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง จนไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้สำเร็จแม้เจ้าอาวาสวัดชะเมาจะพยายามมาตลอดถึง 9 เจ้าอาวาส ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุหรือฆราวาสจะมีอันเป็นไปจนมรณภาพและเสียชีวิตอย่างปริศนาทุกราย การที่พระเกษม เขมจิตโต เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน กล้าเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปองค์นี้ทำให้คนทั่วไปให้ความสนใจและวิพากวิจารณ์อย่างกว้างขวาง และเป็นห่วงว่าพระเกษม เจ้าอาวาสจะมีอันเป็นไปจนมรณภาพไปอีกรูป เกี่ยวกับเรื่องนี้ พระปลัดเกษม เขมจิตโต เจ้าอาวาสวัดชะเมา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า พระพุทธรูปองค์นี้ชาวบ้านเรียกชื่อสืบทอดกันว่า “หลวงพ่อสูง” เป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนลังกาวงศ์ หน้าตักกว้างประมาณ 3 เมตรเศษ ซึ่งพุทธลักษณะศิลปะเชียงแสนลังกาวงศ์นั้นจะต้องเป็นแบบนั่งราบเท่านั้น คือนั่งขัดสมาธิแบบขาขวาทับบนขาซ้าย จากการได้สืบค้นข้อมูลความเป็นมาคาดว่าสร้างสมัยเชียงแสนตอนต้นโดยช่างลังกา โดยเฉพาะมีหลักฐานจากการพบจารึกที่ใต้ฐานพระพุทธรูปว่าสร้างในปี พ.ศ.1079 หากนับจนถึงปีนี้พระพุทธรูปองค์นี้มีอายุเก่าแก่ถึง 1,475 ปี เดิมประดิษฐานตรงพื้นที่วัดประตูเขียน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของเมืองนครศรีธรรมราชมาตั้งแต่โบราณ ภายหลังในปี พ.ศ.2458 หรือเกือบ 100 ปีที่ผ่านมา พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณสิริธรรมมุณี หรือพระรัตนธัชมุนี (ม่วง รตฺนธชเถร)เจ้าคณะมณฑลนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้รวมพื้นที่วัดขึ้น 3 วัด คือ วัดประตูเขียน วัดสมิทฐาน และ วัดโมฬี หรือ วัดชะเมา เป็นพื้นที่เดียวกันและกลายเป็นวัดชะเมาในปัจจุบันนั่นเอง “พระพุทธรูปองค์นี้เดิมประดิษฐานอยู่ในเขตวัดประตูเขียน ซึ่งกลายเป็นพื้นที่ของวัดชะเมาในปัจจุบัน และเจ้าอาวาสวัดชะเมาทุกรูปเห็นว่าพระพุทธรูป”หลวงพ่อสูง”เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่สำคัญจึงต้องการเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปหลวงพ่อสูงมาอยู่บริเวณหน้าวัดซึ่งเป็นจุดที่เหมาะสม ประชาชนที่ผ่านไปมาจะได้มีโอกาสแวะเข้าไปสักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลได้อย่างสะดวก โดยที่ผ่านมาได้พยายามเคลื่อนย้ายมาอย่างยาวนานต่อเนื่องถึง 9 เจ้าอาวาส แต่ไม่สำเร็จ ทำให้พระพุทธรูปที่เก่าแก่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และเป็นที่รับรู้ของคนทั่วไปว่าความพยายามของเจ้าอาวาสที่ผ่านมาเกิดอาเพศตลอดว่าเมื่อจะทำการเคลื่อนย้ายก็จะเกิดปรากฏการณ์เหลือเชื่อทุกครั้ง ในบางครั้งเกิดฟ้าผ่าลงมาอย่างรุนแรง บางครั้งเกิดลมพายุหัวด้วนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หรือเกิดอุบัติเหตุกับช่างหรือคนงานที่มาเคลื่อนย้าย” พระปลัดเกษม เขมจิตโต เจ้าอาวาสวัดชะเมา กล่าวต่ออีกว่า เมื่อไม่มีใครกล้าดำเนินการจึงมีการปล่อยปละละเลยไว้เฉย ๆ จนเมื่อปี 2516 พระครูสุทธิจารี เป็นเจ้าอาวาสมีปรารภให้ย้ายพระพุทธรูปหลวงพ่อสูงแต่ท่านได้มรณภาพลงอย่างกระทันหัน ต่อมาสมัยพระครูกาแก้ว เป็นเจ้าอาวาส ได้ขอดำเนินการปลูกสร้างโรงเรือนหลังคามุงสังกะสีกันแดดกันฝน แต่พระครูกาแก้วก็มรณภาพไปอีกรูป และสมัยพระครูสุทธิวรคุณ เป็นเจ้าอาวาสท่านก็ปรารภจะเคลื่อนย้ายอีกครั้ง และอยู่ไม่นานท่านมรณภาพไปอีก จนไม่มีใครกล้าเคลื่อนย้ายหรือยุงเกี่ยวกับพระพุทธรูป”หลวงพ่อสูงอีก” “จนมาในสมัยอาตมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสเมื่อปี 2553 อาตมาตั้งใจที่จะบูรณะบำรุงเสนาสนะ ภายในวัดชะเมาให้มีความสวยงาม เจริญหูเจริญตา จึงตัดสินใจดำเนินการเคลื่อนย้ายอีกครั้ง โดยก่อนการเคลื่อนย้าย อาตมาได้ตั้งเครื่องบวงสรวง เซ่นไหว้ ตั้งจิตอธิษฐานเพื่อทำการรื้อองค์พระพุทธรูปมาตั้งหน้าวัด แต่กลับมีอุปสรรคอาเพศหลายอย่างทั้งเกิดลมพายุพัดแรงมากและมีแรงฟ้าผ่ารุนแรง ในขณะที่คนงานเกิดอุบัติเหตุเสียหาย อาตมาจึงสั่งยุติการเคลื่อนย้ายเอาไว้ก่อน จนเมื่อช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมาอาตมาได้ตั้งจิตอธิษฐานขอเคลื่อนย้ายและตั้งใจว่าหากไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ก็จำเป็นที่จะต้องทุบองค์พระทิ้งเสีย จากนั้นอาตมาจึงเริ่มเคลื่อนย้ายพระพุทธรูป”พลวงพ่อสูง”เป็นครั้งที่ ซึ่งในขณะเคลื่อนย้ายโดยใช้รถเครนยกได้เกิดลมพายุได้พัดอย่างแรงมาก แต่สามารถเคลื่อนย้ายสำเร็จ แต่เกิดเรื่องเหลือเชื่อเมื่อเกิดฝนตกหนักเฉพาะภายในบริเวณวัดเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก” เจ้าอาวาสวัดชะเมา เปิดเผยอีกว่า“เมื่อเคลื่อนย้ายมาได้แล้วจึงได้สร้างมณฑปประดิษฐานบริเวณลานด้านหน้าวัด และได้เร่งบูรณะซ่อมแซมให้มีรูปทรงดังเดิมรวมทั้งสร้างพระพุทธรูป”หลงพ่อสูง”จำลองหน้าตัก 1 เมตร สูง 1.5 เมตร ประดิษฐานในมณฑปด้านล่าง จนในช่วงกลางคืนเวลาตี 1 อาตมาได้นิมิตว่าให้อาตมาไปเอาสิ่งของใต้ฐานพระพุทธรูปมาเก็บไว้ด้วย จึงลุกขึ้นเดินไปตรวจสอบยังจุดที่ประดิษฐานเดิม จึงพบพระพุทธรูปและพระเครื่องที่สร้างด้วยทองคำและเงิน รวมทั้งพบเพชรนิลจินดาอีกจำนวนมาก ทั้งหมดเป็นศิลปะเชียงแสนลังกาวงศ์ ซึ่งจากการสืบค้นข้อมูลเชื่อว่าทั้งพระพุทธรูป และพระเครื่อง น่าจะอยู่ในสมัยสร้างองค์พระบรมธาตุเจดีย์ “โดยในสมัยนั้นมีการถวายพระพุทธรูปทองคำ เงิน และทรัพย์สินมีค่าเป็นพุทธบูชาแด่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าและพระบรมธาตุเจดีย์ ที่เหลือส่วนหนึ่งได้นำมาประดิษฐานไว้ในวัดประตูเขียน วัดสมิทฐาน และ วัดโมฬี จนมีการรวม 3 วัดดังกล่าวเป็นวัดชะเมา และมีการนำพระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน ทรัพย์สินมีค่าฝังไว้ใต้ฐานพระพุทธรูป”หลวงพ่อสูง” จนมีการเคลื่อนย้ายและมาขุดพบเมื่อช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมาดังกล่าว ซึ่งในขณะนี้อาตมาได้เก็บรักษาหนึ่งไว้ในที่ปลอดภัย และจะพิจารณาภายหลังว่าจะดำเนินการอย่างไรกับพระพุทธรูปทองคำ เงิน และสิ่งของมีค่าที่ได้มาจากฐานองค์พระ” พระปลัดเกษม เขมจิตโต เจ้าอาวาสวัดชะเมากล่าวในที่สุด
ราคาเปิดประมูล1,000 บาท
ราคาปัจจุบัน1,200 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 08 ธ.ค. 2565 - 21:00:50 น.
วันปิดประมูล - 11 ธ.ค. 2565 - 05:11:58 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลTaweesak48 (206)(1)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 08 ธ.ค. 2565 - 21:01:19 น.



กลายเป็นที่ฮือฮา การค้นพบ "พระยอดธงศิลปะอยุธยาตอนต้น" พระกรุเมืองคอน วัดชะเมา ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปลายเดือนเม.ย.54 เป็นจุดประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ เดิมพระพุทธรูปองค์นี้ชาวบ้านเรียกชื่อสืบทอดกันว่า"หลวงพ่อสูง" หน้าตักกว้างประมาณ 3 เมตรเศษ ความเป็นมานั้นได้สืบค้นข้อมูลและพบจารึกที่ฐานพระพุทธรูปว่า สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.1079 ประดิษฐานที่เดิมตรงพื้นที่วัดประตูเขียน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของเมืองนครศรีธรรมราช พบในบริเวณใต้ฐานพระประธานที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังวัด และมีการเคลื่อนย้ายมาบูรณะประดิษฐานด้านหน้าวัด เป็นพระพุทธรูปศิลปะลังกาวงศ์ มีหน้าตักกว้างประมาณ 3 เมตรเศษ สูงประมาณ 4 เมตรเศษ ซึ่งถูกบูรณะให้อยู่ในรูปทรงเดิมอย่างงดงาม

เผยอาถรรพ์ใครคิดเคลื่อนย้ายเกิดอาเพศทั้งลมพายุ,ฟ้าผ่าและอุบัติเหตุ-ระบุ 9 เจ้าอาวาสมรณภาพปริศนา “พระเกษม เขมจิตโต”กล้าลองของแต่เคลื่อนย้ายสำเร็จ-แตกตื่นพระทองคำพร้อมเพชรนิลจินดาใต้ฐานเพียบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 14 ส.ค.2554 ที่วัดชะเมา ถนนราชดำเนิน ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีประชาชนจำนวนมากแห่เดินทางไปชมการประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณศิลปะเชียงแสนลังกาวงศ์ อายุเกือบ 1,500 ปี ซึ่งประเกษม เขมจิตโต เจ้าอาวาสย้ายจากสถานที่ประดิษฐานเก่าบริเวณด้านหลังวัด มาประดิษฐานในที่ใหม่บริเวณลานด้านหน้าวัด ริมถนนราชดำเนิน อยู่ระหว่างการบูรณะซ่อมแซมโดยก่อปูนหุ้มองค์พระเดิมแต่ยังไม่แล้วเสร็จ และยังพบว่าใต้ฐานเดิมที่ประดิษฐานพระพุทธรูปดังกล่าวมีพระพุทธรูปองค์เล็กหน้าตัก 3 นิ้ว 5 นิ้ว และ 7 นิ้ว พระเครื่องศิลปะลังกาวงศ์ที่ทำด้วยทองคำ และทำด้วยเงินรวมหลายองค์ บางองค์ชำรุดเศียรขาดก็มี อีกทั้งยังพบเพชรนิลจินดาของมีค่าอีกจำนวนมาก ทำให้ประชาชนที่ทราบข่าวแห่เดินทางมาขอชมอย่างต่อเนื่อง

สำหรับพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ทำการย้ายออกมาประดิษฐานที่ใหม่นั้น มีหน้าตักกว้างประมาณ 3 เมตรเศษ สูงประมาณ 4 เมตรเศษ นำมาบูรณะซ่อมแซมและประดิษฐานให้อยู่ในลักษณะรูปทรงเดิมอย่างงดงาม อย่างไรก็ตามพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวมีการเล่าลื่อกันมานับ 100 ปีว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และมีอาถรรพ์มาก หากใครคิดจะเคลื่อนย้ายจะต้องจะเกิดอาเพศต่าง ๆ นา ๆ เช่น เกิดฟ้าผ่า เกิดลมพายุที่คนโบราณเรียกว่า”ลมหัวด้วน” หรือเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง จนไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้สำเร็จแม้เจ้าอาวาสวัดชะเมาจะพยายามมาตลอดถึง 9 เจ้าอาวาส ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุหรือฆราวาสจะมีอันเป็นไปจนมรณภาพและเสียชีวิตอย่างปริศนาทุกราย การที่พระเกษม เขมจิตโต เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน กล้าเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปองค์นี้ทำให้คนทั่วไปให้ความสนใจและวิพากวิจารณ์อย่างกว้างขวาง และเป็นห่วงว่าพระเกษม เจ้าอาวาสจะมีอันเป็นไปจนมรณภาพไปอีกรูป

เกี่ยวกับเรื่องนี้ พระปลัดเกษม เขมจิตโต เจ้าอาวาสวัดชะเมา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า พระพุทธรูปองค์นี้ชาวบ้านเรียกชื่อสืบทอดกันว่า “หลวงพ่อสูง” เป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนลังกาวงศ์ หน้าตักกว้างประมาณ 3 เมตรเศษ ซึ่งพุทธลักษณะศิลปะเชียงแสนลังกาวงศ์นั้นจะต้องเป็นแบบนั่งราบเท่านั้น คือนั่งขัดสมาธิแบบขาขวาทับบนขาซ้าย จากการได้สืบค้นข้อมูลความเป็นมาคาดว่าสร้างสมัยเชียงแสนตอนต้นโดยช่างลังกา โดยเฉพาะมีหลักฐานจากการพบจารึกที่ใต้ฐานพระพุทธรูปว่าสร้างในปี พ.ศ.1079 หากนับจนถึงปีนี้พระพุทธรูปองค์นี้มีอายุเก่าแก่ถึง 1,475 ปี เดิมประดิษฐานตรงพื้นที่วัดประตูเขียน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของเมืองนครศรีธรรมราชมาตั้งแต่โบราณ ภายหลังในปี พ.ศ.2458 หรือเกือบ 100 ปีที่ผ่านมา พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณสิริธรรมมุณี หรือพระรัตนธัชมุนี (ม่วง รตฺนธชเถร)เจ้าคณะมณฑลนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้รวมพื้นที่วัดขึ้น 3 วัด คือ วัดประตูเขียน วัดสมิทฐาน และ วัดโมฬี หรือ วัดชะเมา เป็นพื้นที่เดียวกันและกลายเป็นวัดชะเมาในปัจจุบันนั่นเอง

“พระพุทธรูปองค์นี้เดิมประดิษฐานอยู่ในเขตวัดประตูเขียน ซึ่งกลายเป็นพื้นที่ของวัดชะเมาในปัจจุบัน และเจ้าอาวาสวัดชะเมาทุกรูปเห็นว่าพระพุทธรูป”หลวงพ่อสูง”เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่สำคัญจึงต้องการเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปหลวงพ่อสูงมาอยู่บริเวณหน้าวัดซึ่งเป็นจุดที่เหมาะสม ประชาชนที่ผ่านไปมาจะได้มีโอกาสแวะเข้าไปสักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลได้อย่างสะดวก โดยที่ผ่านมาได้พยายามเคลื่อนย้ายมาอย่างยาวนานต่อเนื่องถึง 9 เจ้าอาวาส แต่ไม่สำเร็จ ทำให้พระพุทธรูปที่เก่าแก่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และเป็นที่รับรู้ของคนทั่วไปว่าความพยายามของเจ้าอาวาสที่ผ่านมาเกิดอาเพศตลอดว่าเมื่อจะทำการเคลื่อนย้ายก็จะเกิดปรากฏการณ์เหลือเชื่อทุกครั้ง ในบางครั้งเกิดฟ้าผ่าลงมาอย่างรุนแรง บางครั้งเกิดลมพายุหัวด้วนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หรือเกิดอุบัติเหตุกับช่างหรือคนงานที่มาเคลื่อนย้าย”

พระปลัดเกษม เขมจิตโต เจ้าอาวาสวัดชะเมา กล่าวต่ออีกว่า เมื่อไม่มีใครกล้าดำเนินการจึงมีการปล่อยปละละเลยไว้เฉย ๆ จนเมื่อปี 2516 พระครูสุทธิจารี เป็นเจ้าอาวาสมีปรารภให้ย้ายพระพุทธรูปหลวงพ่อสูงแต่ท่านได้มรณภาพลงอย่างกระทันหัน ต่อมาสมัยพระครูกาแก้ว เป็นเจ้าอาวาส ได้ขอดำเนินการปลูกสร้างโรงเรือนหลังคามุงสังกะสีกันแดดกันฝน แต่พระครูกาแก้วก็มรณภาพไปอีกรูป และสมัยพระครูสุทธิวรคุณ เป็นเจ้าอาวาสท่านก็ปรารภจะเคลื่อนย้ายอีกครั้ง และอยู่ไม่นานท่านมรณภาพไปอีก จนไม่มีใครกล้าเคลื่อนย้ายหรือยุงเกี่ยวกับพระพุทธรูป”หลวงพ่อสูงอีก”

“จนมาในสมัยอาตมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสเมื่อปี 2553 อาตมาตั้งใจที่จะบูรณะบำรุงเสนาสนะ ภายในวัดชะเมาให้มีความสวยงาม เจริญหูเจริญตา จึงตัดสินใจดำเนินการเคลื่อนย้ายอีกครั้ง โดยก่อนการเคลื่อนย้าย อาตมาได้ตั้งเครื่องบวงสรวง เซ่นไหว้ ตั้งจิตอธิษฐานเพื่อทำการรื้อองค์พระพุทธรูปมาตั้งหน้าวัด แต่กลับมีอุปสรรคอาเพศหลายอย่างทั้งเกิดลมพายุพัดแรงมากและมีแรงฟ้าผ่ารุนแรง ในขณะที่คนงานเกิดอุบัติเหตุเสียหาย อาตมาจึงสั่งยุติการเคลื่อนย้ายเอาไว้ก่อน จนเมื่อช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมาอาตมาได้ตั้งจิตอธิษฐานขอเคลื่อนย้ายและตั้งใจว่าหากไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ก็จำเป็นที่จะต้องทุบองค์พระทิ้งเสีย จากนั้นอาตมาจึงเริ่มเคลื่อนย้ายพระพุทธรูป”พลวงพ่อสูง”เป็นครั้งที่ ซึ่งในขณะเคลื่อนย้ายโดยใช้รถเครนยกได้เกิดลมพายุได้พัดอย่างแรงมาก แต่สามารถเคลื่อนย้ายสำเร็จ แต่เกิดเรื่องเหลือเชื่อเมื่อเกิดฝนตกหนักเฉพาะภายในบริเวณวัดเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก”

เจ้าอาวาสวัดชะเมา เปิดเผยอีกว่า“เมื่อเคลื่อนย้ายมาได้แล้วจึงได้สร้างมณฑปประดิษฐานบริเวณลานด้านหน้าวัด และได้เร่งบูรณะซ่อมแซมให้มีรูปทรงดังเดิมรวมทั้งสร้างพระพุทธรูป”หลงพ่อสูง”จำลองหน้าตัก 1 เมตร สูง 1.5 เมตร ประดิษฐานในมณฑปด้านล่าง จนในช่วงกลางคืนเวลาตี 1 อาตมาได้นิมิตว่าให้อาตมาไปเอาสิ่งของใต้ฐานพระพุทธรูปมาเก็บไว้ด้วย จึงลุกขึ้นเดินไปตรวจสอบยังจุดที่ประดิษฐานเดิม จึงพบพระพุทธรูปและพระเครื่องที่สร้างด้วยทองคำและเงิน รวมทั้งพบเพชรนิลจินดาอีกจำนวนมาก ทั้งหมดเป็นศิลปะเชียงแสนลังกาวงศ์ ซึ่งจากการสืบค้นข้อมูลเชื่อว่าทั้งพระพุทธรูป และพระเครื่อง น่าจะอยู่ในสมัยสร้างองค์พระบรมธาตุเจดีย์

“โดยในสมัยนั้นมีการถวายพระพุทธรูปทองคำ เงิน และทรัพย์สินมีค่าเป็นพุทธบูชาแด่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าและพระบรมธาตุเจดีย์ ที่เหลือส่วนหนึ่งได้นำมาประดิษฐานไว้ในวัดประตูเขียน วัดสมิทฐาน และ วัดโมฬี จนมีการรวม 3 วัดดังกล่าวเป็นวัดชะเมา และมีการนำพระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน ทรัพย์สินมีค่าฝังไว้ใต้ฐานพระพุทธรูป”หลวงพ่อสูง” จนมีการเคลื่อนย้ายและมาขุดพบเมื่อช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมาดังกล่าว ซึ่งในขณะนี้อาตมาได้เก็บรักษาหนึ่งไว้ในที่ปลอดภัย และจะพิจารณาภายหลังว่าจะดำเนินการอย่างไรกับพระพุทธรูปทองคำ เงิน และสิ่งของมีค่าที่ได้มาจากฐานองค์พระ” พระปลัดเกษม เขมจิตโต เจ้าอาวาสวัดชะเมากล่าวในที่สุด.


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 08 ธ.ค. 2565 - 21:02:07 น.



"พระยอดธง วัดชะเมา" พล.ต.รณชัย มัญชุสุนทรกุล
Font Size

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 00:01 น.
***พระเครื่องคนดัง ข่าวสดรายวัน****

"การทำงานต้องยึดหลักคุณธรรม ยุติธรรม และจริยธรรม" เป็นคติการบริหารงานของ "พล.ต.รณชัย มัญชุสุนทรกุล" เจ้ากรมจเรทหารบก ที่เป็นคนมีจิตใจโน้มเอียงเข้าหาพระธรรม ชื่นชอบการเข้าวัดทำบุญปฏิบัติธรรมเป็นประจำ เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยเด็กที่ได้รับการปลูกฝังจากครอบครัว



เสธ.มอญ เป็นนักเรียนเตรียมทหาร (ตท.) รุ่นที่ 16 จบโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) รุ่นที่ 27 ถือเป็นนายทหารอีกนายหนึ่ง ที่ชื่นชอบสะสมพระเครื่อง



"เมื่อก่อนผมไม่ค่อยได้สนใจสะสม พระเครื่อง อาจเป็นเพราะที่บ้านมีห้องพระและมีพระสมัยที่คุณพ่อท่านได้รับมอบ ก่อนนำมาบูชาที่ห้องพระ กระทั่งผมได้มีโอกาสรู้จักและศึกษาพระเครื่องในช่วงที่คุณพ่อนำพระที่เก็บไว้ออกมานั่งดูยามว่าง ผมเห็นพระที่มีพุทธศิลป์ของไทยที่งดงาม มีพุทธคุณที่ดี จึงเริ่มเก็บสะสมพระจากการที่เพื่อนพ้องในแวดวงทหารและผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือมอบให้ในโอกาสต่างๆ มีทั้งพระเนื้อผง เนื้อว่าน เนื้อโลหะ เนื้อสัมฤทธิ์ หรือพระกริ่ง เป็นต้น"



สำหรับพระเครื่องที่ เสธ.มอญ แขวนติดกายมีอยู่ด้วยกันหลายองค์ แต่ที่นำมาสวมคล้องคออยู่เป็นประจำ คือ พระหลวงปู่ทวด, หลวงพ่อพุทธชินราช และพระยอดธง วัด ชะเมา ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช



เสธ.มอญบอกว่า พระยอดธง กรุวัดชะเมา หรือวัดประตูเขียน อ.เมือง นครศรีธรรมราช เป็นพระเครื่องที่มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้าน อาทิ คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด มหาอำนาจ มหานิยม เสริมบารมีและโชคลาภ กล่าวกันว่า ใครมีไว้ในครอบครอง จะประสบแต่ความสำเร็จ ดั่งเป็นเคล็ดตามตำราพิชัยสงครามเมื่อครั้งโบราณกาล ที่สร้างพระยอดธงไว้ประจำธงชัยในการออกรบ"



"ช่วงแรกที่ได้มา ผมไม่คิดอะไรมาก อาราธนาขึ้นมาแขวนคอทันที ไม่ได้ศึกษาประวัติความเป็นมา จนคิดว่าน่าจะศึกษาพระเครื่องที่ได้มา โดยสอบถามจากผู้รู้และศึกษาจากข้อมูลในอินเตอร์เน็ต"



"ผมคิดอยู่เสมอว่าพระทุกองค์ที่คล้องอยู่ในคอ ก่อนเดินทางออกจากบ้าน พระทุกองค์ท่านมีพุทธคุณที่ดี ก็จะอาราธนาท่านเพื่อให้คุ้มครองในการเดินทางให้แคล้วคลาด ปลอดภัย ซึ่งทำให้เรามีกำลังใจ และมั่นใจในการทำงาน"



ความเชื่อส่วนตัวของ "เสธ.มอญ" นั้นเชื่อว่า พระเครื่องทุกองค์ท่านมีพุทธคุณที่ดีมากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นมวลสารที่ผสมอยู่ในองค์พระที่เป็นสิริมงคล ประกอบกับการจัดทำพิธีพุทธาภิเษก ที่มีการ สวดบทวิชาคาถา ที่เป็นสิริมงคล ทั้งสิ้น พระที่มาร่วมพิธีนั่งปรกอธิษฐานจิต ก็เป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ หรือเป็นพระสุปฏิ ปันโนอยู่แล้ว



เสธ.มอญ ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการสะสมพระเครื่อง ว่า พระเครื่องมีมาหลายร้อยปี มองว่าสิ่งนี้เป็นวิถีของคนไทยอีกแนวหนึ่ง ที่ถือ ได้ว่าอยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน ดูได้จากคนไทยนับถือศาสนาพุทธ จะมีพระพุทธรูปอยู่บนหิ้ง หรือในห้องพระไว้บูชาทุกบ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคลกับครอบครัว แต่พระเครื่องที่สามารถนำติดตัวไปกับเรานั้น คนไทยมีความเชื่อเรื่องพุทธคุณ เป็นเครื่องเตือนใจให้เราทำ แต่ความดี หากเรามีพระดีมีพุทธคุณสูง แต่คนที่มีไว้บูชา ไม่เคย เข้าวัดทำบุญ ไม่ทำความดี พระท่านก็ไม่คุ้มครอง



"การที่เราแขวนพระนั้นเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ คอยปกป้องคุ้มครองและเตือนสติเราให้มีสติอยู่ตลอดเวลา ก่อนออกจากบ้าน มาทำงานก็จะอาราธนาขอให้ปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่น ปฏิบัติงาน สิ่งใดก็ให้เสร็จสิ้นตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ด้วยสติ ความรู้ ความสามารถ และที่สำคัญ ให้เรามีสติปัญญา ในการแก้ไขปัญหา และสร้างสรรค์สิ่งดีให้กับกองทัพและประเทศชาติ" เสธ.มอญกล่าวทิ้งท้าย

ข้อมูล ข่าวสด .. https://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU1qQTBOVGd3TXc9PQ==


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 08 ธ.ค. 2565 - 21:03:07 น.

องค์นี้สังเกตุดีๆด้านหน้าพระจะแก่ทองคำครับ ใครจะบ้าเอาทองคำมาทำปลอม


ข้อมูลเพิ่มเติม 4 - 08 ธ.ค. 2565 - 21:03:17 น.

พระรุ่นนี้ทางเวปยังไม่มีข้อมูล ไม่สามารถออกบัตรได้
#####รับประกันตามกฏ ทุกประการ#####
พระรุ่นนี้ทางเวปยังไม่มีข้อมูล ไม่สามารถออกบัตรได้
#####รับประกันตามกฏ ทุกประการ#####
พระรุ่นนี้ทางเวปยังไม่มีข้อมูล ไม่สามารถออกบัตรได้
#####รับประกันตามกฏ ทุกประการ#####
พระรุ่นนี้ทางเวปยังไม่มีข้อมูล ไม่สามารถออกบัตรได้
#####รับประกันตามกฏ ทุกประการ#####


 
ราคาปัจจุบัน :     1,200 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    Boygunny (359)

 

Copyright ©G-PRA.COM