(0)
เหรียญหลวงพ่อบุญเรือน วัดยางสุทธาวาส








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องเหรียญหลวงพ่อบุญเรือน วัดยางสุทธาวาส
รายละเอียดเคาะเดียวแดง 400 รับประกันตามกฏ
หลวงพ่อบุญเรือน อินทสุวัณโณ ผู้เลื่องชื่อในฐานะพระปฏิบัติและพระเกจิอาจารย์แห่งวัดยางฯ ได้มเตตาเล่าเกี่ยวกับเรื่องราวครั้งอดีตของท่านให้ทราบว่า ท่านมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในสกุล "หิรัญวิจิตร" ซึ่งเป็นครอบครัวชาวไทยที่ไปตั้งรกรากที่นั่นตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์

บิดาชื่อนายเหรียญ หิรัญวิจิตร มารดาชื่อนางต๊วด เป็นชาวพระตะบอง ท่านเกิดในปี พ.ศ. 2461

การที่โยมพ่อ-โยมแม่ให้ชื่อว่า "บุญเรือน" นั้น เป็นผลมาจากการที่ท่านเกิดมามีลักษณะแปลกกว่าทารกอื่นๆทั่วไป ตรงที่เมื่อคลอดออกมาจากครรภ์มารดาปรากฏว่ามีรกพันติดตัวออกมาด้วย รกนั้นมีลักษณะคล้ายสายสังวาล บริเวณอกมีรกม้วนกลมเป็นก้อน โดยกันว่าทารกที่เกิดมาในลักษณะนี้เป็นผู้มีบุญญาธิการ คนโบราณถือว่าเป็นเทพเทวดาชั้นสูงจุติมาเกิด
บิดามารดาตลอดจนผู้ใหญ่จึงได้ให้ชื่อว่า "บุญเรือน" คือ เกิดมาด้วยบุญบารมี คือ มี "บุญ" เป็นเรือนกำเนิด

2.....ขอบวชก่อนเบียด

เมื่อเจริญวัยได้พอสมควร เด็กชายบุญเรือนก็มีโอกาสได้เรียนอักษรต่างๆที่วัด ตามธรรมเนียมในสมัยนั้น จากพระสงฆ์องค์เจ้าต่างๆ จนจบระดับปั้นประถมปีที่ 4 ซึ่งถือว่าสูงสุดที่มีอยู่ในเวลานั้น จึงลาออกมาจากรงเรียนมาช่วยงานพ่อแม่ทำไร่ไถนาไปตามประเพณีชนบท

ต่อมาในปี 2485 บิดามารดาเห็นว่าเด็กชายบุญเรือนโตเป็นหนุ่มน่าจะมีครอบครัวได้แล้ว จึงเลียบเคียงถามว่าพร้อมจะแต่งงานแล้วหรือยัง พอถูกถามเรื่องนั้นเด็กชายบุญเรือนจะตอบไปตามตรงว่า ยังไม่คิดเรื่องนั้น และหากจะแต่งงานเป็นสามีคน และเป็นพ่อคนได้ ตัวท่านเองจะต้องบวชเรียนตามประเพณีเสียก่อน

ด้วยเหตุนั้น เด็กชายบุญเรือนจึงได้เข้าพิธีอุปสมบทในปีนั้น เมื่อมีอายุได้ 24 ปี โดยได้จัดพิธีท่ามกลางหมู่สงฆ์ที่พระอุโบสถเขตพัทธสีมาวัดสำโรง เมืองพระตะบอง ประเทศกัมพูชา มีพระเถระประกอบพิธีให้ดังนี้

พระมุนีวิสุทธิวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์
พระอาจารย์เอี่ยม เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระปลัดญาณสัทธา เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ได้รับฉายาทางศาสนาว่า "อินทสุวัณโณ"

การอุปสมบทครั้งนั้นถือว่าเป็นไปด้วยความศรัทธาจากจิตใต เป็นวิถีทางของผู้มีบุญที่มุ่งหวังสร้างบารมีดั่งการถือกำเนิดมาอย่างผู้มีบุญโดยแท้

เป็น "หลวงพ่อ" แต่วัยหนุ่ม

หลังอุปสมบท พระภิกษุบุญเรือน อินทสุวัณโณ ได้ศึกษาพระธรรม ปฏิบัติจริยวัตรอันงดงาม โดยมีท่านพระครูมุนีวิสุทธิวงศ์ พระอุปัชฌาย์เป็นผู้อบรมสั่งสอนอย่างใกล้ชิด หลวงพ่อบุญเรือนปฏิบัติได้ดีจนพระอุปัชฌาย์เอ่ยปากชมแก่พระเณรทั้งหลาย และถ่ายทอดวิทยาคมให้จนหมดสิ้น ทำให้หลวงพ่อบุญเรือน เป็น "หลวงพ่อ" ตั้งแต่วัยหนุ่มเลยทีเดียว

เป็นศิษย์ยอดเกจิเมืองเขมร

หลังจากเจนจบวิชชาจากพระอุปัชฌาย์ ต่อมาหลวงพ่อบุญเรือนได้ทราบกิตติศัพท์ของหลวงพ่อดี วัดปทุมรัตน์ว่ามีเวทมนตร์คาถาขลงยิ่งนัก อีกทั้งกรรมฐานก็เป็นเยี่ยมอย่างยากที่จะหาครูบาอาจารย์ในแดนเขมรมาเทียบได้ พระภิกษุบุญเรือนจึงเดินทางไปยังนครวัดเพื่อฝากตัวเป็นสิษย์หลวงพ่อดีที่วัดปทุมรัตน์

หลวงพ่อดีท่านมิได้รับทุกคนเป็นศิษย์ง่ายๆ ท่านมีวิธีการทดสอบจิตใจและเพ่งดูด้วยฌาณยากที่ปุถุชนจะหยั่งถึง ซึ่งหลวงพ่อบุญเรือนก็ผ่านการทดสอบไปได้โดยไม่ยากลำบากแต่อย่างใด

หลังจากเจนจบอาคมจากหลวงพ่อดี หลวงพ่อบุญเรือนก็ได้ออกจาริกธุดงคืไปตามป่าเขาลำเนาถ้ำเพื่อฝึกฝนจิตต่อไป
เดินทางเข้าไทย พบ 2 หลวงปู่ผู้ลือนาม ไม่นานนัก หลวงพ่อบุญเรือนก็ได้เดินทางจากเขมร มายังไทย และได้ทราบข่าวครูบาอาจารย์เขมรอีก 2 องค์ คือ หลวงปู่หิน ซึ่งพำนักอยู่ที่วัดระฆังโฆสิตาราม วัดของท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี อมตะสงฆ์ตลอดกาล และอีกท่านหนึ่งคือ หลวงปู่มุด วัดยางสุทธารามซึ่งก็ไม่ไกลจากวัดระฆัง หลวงพ่อบุญเรือนกล่าวว่า พระอาจารยฺที่เรืองวิชาอาคมมีไม่น้อย แต่ที่เข้ามาอยู่ กรุงเทพ ส่วนใหญ่จะพำนักอยู่ฝั่งธนบุรีมาก

เมตตาจากหลวงปู่หิน

ได้เดินทางแกราบหลวงปู่หิน วัดระฆัง โดยลงเรือล่องไป ท่านได้รับความเมตตาจากหลวงปู่หินอย่างมากถึงขนาดหลวงปู่หินชักชวนให้มาอยู่ด้วยกัน เมื่อมาอยู่ที่วัดระฆัง หลวงพ่อบุญเรือนก็ได้ต้งใจศึกษาเล่าเรียนมนต์คาถาอักขระต่างๆ จากนั้นระยะหนึง ได้ติดตามหลวงปู่หินไปกราบหลวงปู่มุดวัดยาง เพราะท่านทั้งสอง(คือหลวงปู่หินและหลวงปู่มุด) มักไปมาหาสู่กันประจำน้ำมนต์เดือด อัศจรรย์ท่ามกลางหมู่เกจิอาจารย์

คราวหนึ่งบ้านพ่อค้าย่านพรานนกได้ทำบุญเลี้ยงพระที่บ้าน เจ้าของบ้านได้นิมนต์พระมามากมาย หลวงพ่อบุญเรือนในฐานะพระใกล้บ้านก้ได้รับนิมนต์ไปเช่นกัน

เมื่อพิธีการดำเนินมาถึงเวลาทำน้ำมนต์เพื่อประพรมให้เจ้าของบ้าน เจ้าภาพนึกอย่างไรก้ไม่ทราบได้ ได้ยกบาตรน้ำมนต์ให้หลวงพ่อบุญเรือนเป็นผู้ทำพิธีอธิษฐานจิต ซึ่งหลวงพ่อบุญเรือนก็ไม่ได้คิดว่าท่านจะเป็นผู้ทำน้ำมนต์ แต่ท่านก็ทำให้ ในครั้งนั้นได้เกิดเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ คือ น้ำมนต์ที่หลวงพ่อบุญเรือน ปลุกเสกเกิดเดือดขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ มีผู้คนเห็นมากมาย จนต่อมามีผู้มาขอให้ท่านรดน้ำมนต์ สะเดาะเคราะห์มากมายจวบจนท่านมรณภาพ

เหตุเกิดที่ถ้ำสาริกา

คราวหนึ่งมีงานพุทธาภิเษกที่ถ้ำสาริกา เขางู ราชบุรี หลวงพ่อบุญเรือนท่านได้รับนิมนต์ไปเป็นเจ้าพิธีทำให้ท่านเดินทางไปก่อนวันงาน 1 คืน เพื่อตรวจความเรียบร้อย ซึ่งท่านจะเข้มงวดในเรื่องพิธีกรรมมาก

ในคืนนั้นเอง สายสิญจน์ที่พระรุปอื่นล้อมไว้ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็จะถุกลมพัดจนหลุดรุ่ยหมดสิ้น ต้องมาทำใหม่อีก เป็นอยู่อย่างนั้นจนเจ้าภาพต้องมานิมนต์ให้หลวงพ่อบุญเรือนไปช่วยอรกแรงหนึ่ง แล้วเรื่องแปลกก็เกิดขึ้น สายสิญจน์ที่หลวงพ่อบุญเรือนล้อมให้นั้น ไม่ถูกลมพัดจนขาดอีกเลย

แต่ทว่าหลังเสร็จพิธีสายสิญจน์หายไปหมด เพราะน้ำมือของญาติโยมทั้งหลายที่มาร่วมงานต่างพร้อมใจดึงเอาไปหมดเกลี้ยง

เรื่องมหัศจรรย์ หลวงพ่อห้ามฝน

เหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งไปกว่านั้น คือเหตุการณ์ที่ถ้ำสาริกาที่เดิม คือเมื่อใกล้เวลาเริ่มพิธี เมฆฝนได้ตั้งเค้าดำทมึน ซึ่งสร้างวามหวาดวิตกให้ผู้มาร่วมพิธีมาก ตอนนั้นมีแม่ชีคนหนึ่งได้กราบเรียนต่อหลวงพ่อบุญเรือนด้วยอาการร้อนรนว่า "หลวงพ่อเจ้าขา เวลาฤกษ์ยามที่หลวงพ่อกำหนดไว้ใกล้ถึงแล้ว แต่ฝนทำท่าจะตกหนัก จะทำอย่างไรดี" หลวงพ่อบุญเรือน ได้ฟังแล้วก็แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างพิจารณาอึดใจหนึ่ง จึงหันมาตอบว่า

"ไม่เป็นไรหรอก งานนี้ได้ฤกษ์มงคลมาแล้ว ถึงฝนจะตกก็ตกไม่มาก คิดเสียว่าเบื้องบนพรมน้ำมนต์ให้นะ" "ตกไม่มากได้อย่างไรละหลวงพ่อ ฟ้ามืดอย่างนี้ตกหนักแน่นอน หลวงพ่ออย่านิ่งนอนใจอยู่เลย" เหตุนี้ หลวงพ่อบุญเรือนจึงให้หาธูปเทียนมา 4 ชุด ปักไปทั้ง 4 ทิศ แล้วท่านก็สงบจิตอาราธนาบารมีท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 พร้อมกล่าวว่าว "เอาละ สบายใจได้ ฉันได้บอกกล่าวเทพเทวดาแล้ว ฝนคงไม่ตกลงมาแล้วเราประกอบบุยกุศล เทวดาท่านคงไม่ดูดายหรอก"

ความอัศจรรย์แท้ๆก็เกิดขึ้น เพราะหลังจากหลวงพ่อบุญเรือนทำพิธี ฝนก็ตกลงมาแต่รอบบริเวณพิธีเท่านั้น ขณะที่ในมณฑลพิธีมีแต่ละอองชุ่มเย็น ดูแล้วไม่ต่างจากน้ำมนต์ทิพย์จากสวรรค์แท้ๆ
วัตถุมงคล 5 กว่าปีมี 6 รุ่น

หลวงพ่อบุญเรือนได้จัดสร้างวัตถุมงคลชุดแรกในปี 2496 และอีกครั้งในปี 2511 และ 2519 ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก

จากนั้นในปี 2537 ท่านจึงได้สร้างเหรียญรุ่น 3 ออกมา โดยสร้างเป็นเหรียญพญาเต่าเรือน ตามตำรับหลวงปู่ดี วัดปทุมรัตน์ เรียกว่า เหรียญพญาเต่าเรือนนครวัด พร้อมเหรียญน้ำมนต์และเหรียญหลวงพ่อครึ่งองค์

การอธิษฐานจิตปลุกเสก หลวงพ่อจะทำตามฤกษ์ยาม เสกจนกว่าจะครบไตรมาส อานุภาพวัตถุมงคลของท่านจึงเปี่ยมล้น

หลวงพ่อเคยบอกว่า "อาตามาไม่มีญาติโยมที่ไหน ไม่รุ้จะสะสมเงินทองไปทำไม เท่าที่กินทุกวันนี้ก็เหลือพอแล้วสำหรับพระแก่ๆอย่างอาตมา แต่ว่าปัจจัยที่หานั้น มีความหมายสำหรับวัดวาอาราม พระหนุ่มเณรน้อยที่ต้องใช้ในการศึกษาหาความรู้ อาตมาจึงอยากหยิบยื่นมือไปให้ความช่วยเหลือเหมือนอ่างที่คนอื่นเขาเคยช่วยอาตมาในกาลก่อน.."

ขอขอบคุณเจ้าของข้อมูลเป็นอย่างยิ่ง
ราคาเปิดประมูล300 บาท
ราคาปัจจุบัน400 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 13 มิ.ย. 2566 - 12:15:58 น.
วันปิดประมูล - 14 มิ.ย. 2566 - 13:02:13 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลกฤชนณแปดริ้ว (2.3K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     400 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    feifei (1.2K)

 

Copyright ©G-PRA.COM